ข้อมูลภูเก็ต
“ ไข่มุกอันดามัน สวรรค์เมืองใต้ หาดทรายสีทอง สองวีรสตรี บารมีหลวงพ่อแช่ม ”
ภูเก็ต เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นจังหวัดเดียวที่มีภูมิประเทศเป็นเกาะ โดยมีจำนวนอำเภอเพียงแค่ 3 อำเภอเท่านั้น และด้วยลักษณะภูมิประเทศของจังหวัดภูเก็ตที่เป็นเกาะ จึงทำให้มีทะเลล้อมรอบ ดังนั้นจังหวัดภูเก็ตจึงมีชายหาดจำนวนมาก แต่ก็มีเพียงชายหาดด้านทิศตะวันตกนิยมของนักท่องเที่ยว เนื่องจากชายหาดทางด้านทิศตะวันออก มีสภาพเป็นโคลนผสมทราย จึงไม่เหมาะต่อการลงเล่นน้ำ ทั้งยังเป็นแนวป่าชายเลน ชายหาดที่ได้รับความนิยมเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและชาวต่างชาติ ประกอบด้วย หาดป่าตอง หาดกะตะ หาดกะรน และหาดไม้ขาว ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงแรม และที่พักจำนวนมาก
ด้วยความที่ประชาชนส่วนใหญ่ในจังหวัดภูเก็ต มักจะประกอบอาชีพต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นพนักงานโรงแรม พนักงานบริษัททัวร์ และพนักงานขายของสำหรับนักท่องเที่ยว ฯลฯ ประกอบกับความสวยงามของชายหาด ทะเล เกาะแก่ง ทำให้จังหวัดภูเก็ตกลายเป็นจุดมุ่งหมายของนักเดินทางทั้งใน และต่างประเทศ ทำให้ค่าครองชีพ อาหารการกิน ขยับสูงขึ้นตามสภาพเศรษฐกิจที่คล่องตัว
จังหวัดภูเก็ตมีโรงแรมเป็นจำนวนมาก กระจายกันอยู่ทั่วทั้งจังหวัด สามารถตอบโจทย์นักท่องเที่ยวที่ต้องการมาใช้เวลาในวันหยุดพักผ่อนได้ทุกรูปแบบ สำหรับราคาค่าห้องพัก ก็จะขึ้นอยู่กับมาตรฐาน ตำแหน่งที่ตั้งของโรงแรม และช่วงเวลาที่จะเข้าพัก โดยโรงแรมส่วนใหญ่มักจะแบ่งราคาของพักออกเป็น 3 ช่วง ได้แต่ ช่วง Low Season (1 พ.ค. - 31 ต.ค.) ช่วง Hi Season (1 พ.ย. - 19 ธ.ค. และ 21 ม.ค. - 30 เม.ย.) และช่วง Peak Season (20 ธ.ค. - 20 ม.ค.)
นอกจากนี้จังหวัดภูเก็ตยังมีบริษัททัวร์นำเที่ยวมากมายหลากหลายประเภทไม่ว่าจะเป็น การท่องเที่ยภายในจังหวัด การท่องเที่ยวตามเกาะต่างๆรอบจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียง การท่องเที่ยวแบบผจญภัย การแสดงโชว์ต่างๆ และการท่องเที่ยวที่เน้นความบันเทิงเป็นหลัก ทำให้จังหวัดภูเก็ตสามารถตอบโจทย์นักท่องเที่ยวได้ครบทุกความต้องการของผู้ที่มาเยี่ยมเยือนจังหวัดภูเก็ต
นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นจุดดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวแล้ว จังหวัดภูเก็ตยังมีวัฒนธรรม ประเพณี หลากหลาย ที่ผสมผสานวัฒนธรมจีน ไทย มุสลิม และชาวเล ที่ยังคงสืบสาน จนมีชื่อเสียงถึงปัจจุบัน เช่น ประเพณีถือศีลกินผัก ประเพณีลอยเรือชาวเล วัฒนธรรมการแต่งกายย่าหยา บาบ่า ไปจนถึงสถาปัตยกรรมชิโน-โปรตุกีส ที่ผสมผสานวัฒนธรรมตะวันตก และตะวันออก เป็นสไตล์โคโลเนียล ได้อย่างลงตัว